ด่าน้อง ⁼ ด่าตัวเอง
“แป๊ะคุงมานี่หน่อย” ผู้อำนวยการชาวญี่ปุ่นเรียกผมไปคุยด้วยหลังอ่านรายงานของผมจบ
“รายงานที่คุณส่งมาเนี่ย เนื้อหาโอเคแล้ว แต่ถ้ามันตัวใหญ่กว่านี้ได้จะดีมาก” มีแหย่ผมเล็ก ๆ ด้วยการหยิบแว่นขยายมาส่องให้ดูหลังพูดจบ
“ผมเนี่ย ถ้าตั้งใจอ่านก็พอได้อยู่ แต่มันคงจะไม่ดีนักถ้าเราจะส่งทั้งอย่างนี้ไปให้หัวหน้าผมที่ญี่ปุ่น เขาอายุ 50 กว่าแล้ว เดี๋ยวเขาจะว่าบริษัทเราได้”
“ช่วยไปแก้มาหน่อยได้ไหม” เรื่องของเรื่องคือผมเขียนรายงานด้วย Font 8 เต็มหน้าไปให้คนอายุ 45 อ่าน ช่างอำมหิตเหนือมนุษย์จริง ๆ (หัวเราะ) สำหรับผมมันคือการสอนงานที่เป็นกรณีศึกษาเลยเพราะแทนที่จะตำหนิผมอย่างรุนแรง ผู้อำนวยการทำให้ผมเห็นว่าสิ่งที่ผมทำนั้นจะกลายเป็นบริษัทแม่ประเมินบริษัทเราไม่ดี ผมหยิบรายงานกลับมาแก้ใหม่ด้วยสีหน้า “ไม่ซื้อ” อย่างแรง “อะไรวะ แค่นี้อ่านไม่ออก” ผมสบถในใจด้วยประสบการณ์ทำงานผ่านลูกน้องมานับร้อย ท่านคงพออ่านสีหน้าออกว่าไอ้เด็กคนนี้มัน “ไม่อิน” กับคำโน้มน้าวที่อุตส่าห์คิดเป็นอย่างดี หลังเซ็นเอกสารให้ท่านก็พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “แป๊ะคุง ตอนนี้ You ยังเด็ก You ไม่เข้าใจหรอก ไว้โตขึ้น You จะเข้าใจ” ผ่านไปหลายปี ผู้อำนวยการท่านนี้กลับญี่ปุ่น ผมเติบใหญ่ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนเซ็นอนุมัติรายงานลูกน้องที่ผมรับเข้ามาทำงานกับมือ ก็ทำในสิ่งเดียวกับผมตอนอายุเท่า ๆ กัน เขียนรายงานด้วย Font 8 มาส่ง บาปกรรมมีอยู่จริง (หัวเราะ)
ด่าน้องก็เหมือนด่าตัวเอง เพราะผมก็ทำกับหัวหน้าผมไว้เหมือนกัน พอไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยลอกสคริปต์เดียวกับผู้อำนวยการเสียเลย และอาการของน้องที่ทำให้เหมือนผมเด๊ะ เขาไม่ซื้อไอเดียที่หัวหน้าสั่ง ผมจึงยิ้ม ให้ส่งรายงานกลับไป พร้อมกับพูดว่า “ตอนนี้ You ยังเด็ก You ไม่เข้าใจหรอก ไว้โตขึ้น You จะเข้าใจ”
ส่งต่อปริศนาธรรมไว้ยังรุ่นถัดไป เรื่องนี้ให้แง่คิดกับผมว่าบางครั้งที่น้องทำไม่ถูกอาจเป็นเพราะเขาไม่รู้ที่เขาไม่รู้ ก็เพราะเราไม่ได้สอนเขาให้ดี พอด่าน้องก็ไม่ต่างกับด่าตัวเองว่าเราเป็นหัวหน้าที่ใช้ไม่ได้ ถ้ามีเวลาด่าลูกน้อง สู้เอาเวลามาพัฒนาตัวเองให้เป็นหัวหน้าที่ดีขึ้นกันดีกว่าครับ