เก่งงานอย่างเดียวพอไหม
เก่งงานอย่างเดียวไม่พอ…
เมื่อวาน Live กับ SET Thailand รายการ Maruay Talk กับหนังสือ Lifelong Rich นับจากนี้ไปต้องมีเงินใช้ตลอดชีวิต
น้องปั๊บ พิธีกร ถามว่า
“ในวิกฤตการเงินของตัวเอง เซนเซได้เรียนรู้อะไร”
นั่งคิดอยู่พักใหญ่ ว่าจะตอบอะไรดี ก่อนตอบพิธีกรไปว่า
“เก่งงานอย่างเดียวไม่พอ ต้องเก่งเงินด้วย”
วิกฤตการเงินของผม คือ 18 เดือนที่ปรับตัว จากคนมีรายได้ประจำ มาหาเงินด้วยอาชีพอิสระ
จากตั้งใจทำงานให้ดี ไม่ต้องคิดเรื่องเงิน เดี๋ยวทุก ๆ วันที่ 25 ก็จะมีเงินเข้าในบัญชีเอง
กลายเป็นไม่รู้ว่า วันไหนจะมีลูกค้าและวันไหนจะมีเงินเข้า
จากที่ได้สม่ำเสมอ กลายเป็นได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เหมือนกินข้าวไม่ครบสามมื้อ อด ๆ อยาก ๆ กังวลไปหมด จะใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อลงทุนก็ไม่กล้าใช้
ตอนนั้นที่คิดได้ คือ ความสามารถในการทำงานที่เคยช่วยให้มีเงินทุกเดือนนั้น ไม่มีความหมายเลย ในยามที่เราไม่ได้มีงานประจำ สิ่งที่ทำให้ยังรอดอยู่ได้ในช่วงเวลาปรับตัวก็ คือ ความสามารถในการบริหารและจัดการเรื่องเงิน ทั้งในแง่จิตใจและตัวเลขต่างหาก
ผมปรับตัวได้ด้วยการตั้งเงินกองกลางไว้ก้อนหนึ่ง ถ้ามีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องการหารายได้จะหักจากตรงนี้โดยตรง เช่น ค่าอุปกรณ์ทำคอนเท้นต์ โปรแกรมตัดต่อพยายามสะสมให้เงินกองนี้ มากกว่าค่าใช้จ่ายสำรอง 6 เดือน พอสะสมครบ 6 เดือนแล้วส่วนที่เกินก็หักออกมาจ่ายเป็นเงินเดือนให้ตัวเอง เอาแค่ขั้นต่ำที่ทำได้อยู่รอดได้เริ่มแยกค่าใช้จ่ายจากงานกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้ชัดเจนพอทำวิธีนี้ก็รู้สึกอุ่นใจ นอนหลับได้ดีขึ้น
สำหรับ Freelance ผมคิดว่าดีมากเลยครับ ลองเอาไปใช้ดูนะ สำหรับพนักงานประจำ
ไอเดียนี้ก็อาจจะนำไปใช้กับ การสร้างพอร์ตเกษียณ พอร์ตลงทุนได้ (ค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีรายได้เพิ่ม) เงินเดือนที่ได้จากบริษัทไม่ต้องใช้ให้หมด โอนมาอีกบัญชีสำหรับกินใช้ กองกลางเหลือเกิน 6 เดือน ก็เอาไปออม ไปลงทุน ซื้อประกันป้องกันความเสี่ยงเพิ่ม
============
วิกฤตการเงินของคุณ
คุณได้เรียนรู้อะไร
แบ่งปันกันได้นะครับ
============
#LifelongRich
#นับจากนี้ไปต้องมีเงินใช้ตลอดชีวิต
#SenseiPae
#สรุปให้
#spAcebook