เหนื่อยกว่าคนอื่นไปทำไม
เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยคิดบ้างว่าหน่วยงานอื่นไม่เห็นต้องทำงานเยอะขนาดนี้ ได้เงินเดือนก็เท่ากัน ทำไมต้องเหนื่อยกว่าเขา ไม่เข้าใจ ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังครับ
บริษัทของผมแม้จะเป็นบริษัทใหญ่ระดับโลก แต่คนทำงานด้าน R&D นั้น ออกมาทำงานนอกประเทศน้อยกว่าหน่วยงานอื่น ๆ มาก การสื่อสารกับคนญี่ปุ่นในส่วนนี้นั้น จึงมักต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก รายงาน ประชุมอีเมล โทรศัพท์เกือบ 100% จึงเป็นภาษาญี่ปุ่น หลายครั้งก็จะมีเพื่อน ๆ น้อง ๆ แอบระบายเสมอว่าทำงานก็หนักอยู่แล้ว ยังต้องมาเหนื่อยกับเรื่องภาษาเพิ่มอีก เงินเดือนก็ได้เท่ากัน ไม่เห็นจะคุ้ม
เมษายน 2547 ผมเข้าบริษัทโตโยต้า แบบไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย เงินเดือน 22,500 บาท กันยายน 2547 ไปอยู่ญี่ปุ่น 3 เดือน เอาตัวรอดจากความหิวโหย ได้ด้วยการใช้นิ้วชี้ แล้วพูดว่า “これお願いします”
(ขออันนี้ด้วยครับ)
มิ.ย. 2006 บินไปทำงานที่ญี่ปุ่น 2 ปี ก่อนไปประเดิมด้วยการสอบตก 2級 (N2) ครั้งแรก (N2 = จำตัวอักษรคันจิได้ 1000 ตัว เทียบเท่าเด็ก ป.6)
ก.พ. 2007 ตก 2級 อีกครั้งแบบไม่น่าให้อภัยตัวเอง (สภาพแวดล้อมเป็นใจแต่ขี้เกียจ)
ก.พ. 2008 ซื้อหนังสืออ่านเองเป็น 10 เล่ม อ่านหนังสือทุกวัน เขียนคันจิจนสมุดหมด 2 เล่ม ทำข้อสอบย้อนหลัง 10 ปี กลับไทยด้วยการผ่าน 2級 ระดับ 80/100
กลางปี 2008 เสียเงินเรียน N1 เองที่สสท สละเวลาวันเสาร์ครึ่งปีเพื่อไปสอบตก N1 ครั้งที่ 1 (N1 = ต้องจำคันจิประมาณ 2000 ตัว เทียบเท่าเด็กมัธยมปลายญี่ปุ่น) และตก N1 อีกครั้ง
ใน 6 เดือนถัดมา แต่ก็ยังหน้าด้านเรียนต่อที่ Waseda อีก หมดไปหลักหมื่นเช่นกัน ช่วงที่พีค ๆ ทำงานเลิกสามทุ่ม ต้องทำข้อสอบหลังรถตู้บริษัท เปิดไฟฉายจากมือถือส่องกระดาษข้อสอบก็เคยทำ เมาเละเทะคืนวันศุกร์ในงานเลี้ยงส่งรุ่นน้อง ลากสังขารตัวเองมาสอบในห้องเรียน เช้าวันเสาร์ก็ทำมาแล้ว
จนในที่สุด ก.พ. 2010 ผลสอบ N1 ก็เปลี่ยนจาก 不合格/Not pass
เป็น 合格/Pass (แม้จะแบบฉิวเฉียดสุด ๆ 555) ระหว่างที่ได้ N2, N1
ก็มีงานเข้าตลอด ได้รับเกียรติให้เป็นพิธีกรงานเลี้ยงส่งคุณโอมุระ ประธานบริษัท เป็นขาประจำงานแปลงานปาร์ตี้ในแผนก ไม่เว้นงานแต่งพี่ ๆ น้อง ๆ ที่หัวหน้าญี่ปุ่นขึ้นเวที ใครมีเอกสารญี่ปุ่น เมลญี่ปุ่นอ่านไม่ออก บอกแป๊ะ แป๊ะ แปลให้ ซึ่งทั้งหมดไม่ได้ตังค์สักบาทเดียว “ทำไปทำไม ไม่เหนื่อยหรือไง” ผมคิดแค่ว่า ถ้ารู้อะไรลึกกว่าคนอื่น ๆ มาก ๆ มันน่าจะสร้างความแตกต่าง และดึงดูดสิ่งดี ๆ ให้เข้าหาตัวเองและผมก็คิดถูก
เมษา 2018 มีโอกาสได้รับเกียรติให้ทำงานล่ามในระดับรายได้ที่แทบจะคืนทุน ที่ลงเองไปทั้งหมดภายใน 1 สัปดาห์ที่รับงานนี้ทำวันเดียว มากกว่าทำงานประจำทั้งเดือนในปีแรก ทำหนึ่งอาทิตย์มากกว่าตอนเป็นผู้จัดการทำงานทั้งเดือน แถมถ้าทำได้ดี ก็จะมีโอกาสได้รับงานต่อเนื่องอีกทุกเดือน
ผมไม่ใช่คนเก่ง ผมสอบตกมากกว่าสอบผ่าน เริ่มจาก 0 ไม่มีต้นทุนใด ๆ ใช้เวลากว่า 15 ปี กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ผมไม่รู้หรอกว่า ผมเดินมาไกลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะผมเดินแค่ทีละก้าว เท่าที่ผมเห็นทางจากแสงไฟในมือ ที่ผมเลือกจะส่องแล้วก้าวไปข้างหน้า รู้ตัวอีกทีโอกาสดี ๆ ก็วิ่งเข้ามาหาไม่ขาด ถ้าวันนี้คุณกำลังสงสัยว่า “ทำไมต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น” ผมตอบคุณไม่ได้ครับ แต่คุณจะพบคำตอบเอง หากคุณไม่หยุดก้าวต่อไปครับ